Sunday, 21 January 2024

รู้จักกับรังสียูวี พร้อมกับประโยชน์และโทษรังสีอัลตราไวโอเลต

พระอาทิตย์ทำงานทุกวันฉันใด เราก็ต้องเจอ รังสียูวี หรือ รังสีอัลตราไวโอเลต ทุกวันฉันนั้น เรียกได้ว่า ไม่อาจหลีกเลี่ยงแสงแดดและรังสีกันได้เลย ซึ่งนอกจากดวงอาทิตย์แล้ว ก็ยังมีแหล่งที่ให้กำเนิดแสงในรูปแบบอื่นๆอีก ที่สามารถปล่อยรังสียูวีได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟ โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น และเมื่อต้องเผชิญกับแสงหรือรังสีเหล่านี้ จะมีประโยชน์หรือโทษต่อสุขภาพอย่างไร พบกับสาระดีๆได้ในบทความนี้
รู้จักกับรังสียูวี พร้อมกับประโยชน์และโทษรังสีอัลตราไวโอเลต

ประโยชน์ของรังสียูวี รังสีอัลตราไวโอเลต

1. วิตามินจากธรรมชาติ แสงจากดวงอาทิตย์ให้วิตามินดี มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ และดูแลระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนได้อีกทางหนึ่ง

2. บรรเทาอาการโรคผิวหนังบางชนิด ในผู้ป่วยที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน จะมีอาการทางผิวหนังที่สูญเสียสมดุลมากเกินไปจนทำให้ผิวหนังบางส่วนกลายเป็นเกล็ดแข็ง การได้รับรังสียูวีจะมีส่วนช่วยให้เซลล์ผิวบริเวณนั้นแข็งแรงและบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้

3. กำจัดเชื้อโรค รังสียูวีสามารถขจัดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียในผ้าที่เราตากไว้ได้ นอกจากนี้ในบางอุตสาหกรรมยังสามารถนำหลอดไฟที่เป็นแสงยูวี มาใช้ต้านเชื้อแบคทีเรียและกำจัดเชื้อโรค เช่น ในการผลิตน้ำดื่ม

4. ช่วยให้อารมณ์ดี หากเราได้รับแสงแดดอ่อนๆ จะช่วยให้ร่างกายนั้นผลิตฮอร์โมนเซโรโทนิน ที่ช่วยให้เราอารมณ์ดี แต่ถ้าได้รับแสงแดดน้อยเกินไป อาจส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ คือหลับยากและอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น

5. ใช้ในการถนอมอาหาร เราสามารถนำอาหารมาตากแดดให้แห้ง เช่น การทำหมูแดดเดียว การตากกล้วย การตากปลาหมึก เป็นต้น เพื่อเป็นการถนอมอาหาร ไล่ความชื้น ให้เก็บไว้ได้นานมากยิ่งขึ้น

โทษของรังสียูวี รังสีอัลตราไวโอเลต

1. ตากแดดนานเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง ผู้ที่อาจมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งผิวหนัง คือผู้ที่ต้องทำงานกลางแดดจัด เล่นกีฬากลางแจ้ง หรือชอบอาบแดดเป็นเวลานาน 90%ของโรคนี้คือเซลล์ผิวมีความบกพร่องในการซ่อมแซมตนเอง และกลายเป็นเซลล์ที่มีความผิดปกติ ทำให้ผิวหนังอ่อนแอไม่สามารถซ่อมแซมตนเองได้

2. ผิวไหม้แสบแดง เมื่อผิวหนังได้รับรังสียูวีมากและนานเกินไป จะก่อให้เกิดอาการผิวไหม้แสบแดง เซลล์ผิวถูกทำลาย ผิวหนังเกิดความเสียหายจากการที่ดูดซับพลังงานจากรังสียูวี เลือดในร่างกายจึงไหลเวียนเพิ่มไปยังบริเวณผิวที่เสียหาย เพื่อซ่อมแซม จึงเป็นสาเหตุให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อโดนแสงแดดเผาไหม้

3. ระบบภูมิคุ้มกันเสียหาย การที่ผิวหนังได้รับแสงแดดมากเกินไป อาจส่งผลต่อระบบการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ทำให้เสียสมดุลในการปกป้องร่างกายจากแบคทีเรีย จุลินทรีย์ ไวรัสและสารพิษต่างๆ

4. อันตรายต่อดวงตา การจ้องมองแสงแดดเป็นเวลานาน โดยมิได้สวมใส่แว่นตาเพื่อปกป้องดวงตาจากรังสียูวี ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อที่ดวงตา อาจก่อให้เกิดโรคต้อกระจก

5. ดูแก่ก่อนวัย รังสียูวีสามารถทำลายคอลลาเจน และเนื้อเยื่อผิวหนังชั้นบนสุด ด้วยเหตุนี้จะส่งผลให้ เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น มี กระ ฝ้า จุดด่างดำ ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น และมีสีผิวที่เข้มขึ้น

 

จะเห็นได้ว่าแสงแดดหากได้รับมากเกินไปก็เกิดโทษ ได้รับน้อยเกินไปก็อาจไม่เพียงพอ ดังนั้นในเมื่อเราหลีกเลี่ยงไม่พ้น ก็ต้องรู้จักวิธีปกป้องและป้องกันผิวจากอันตรายของรังสียูวี ซึ่งการนำแสงแดดจากธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ก็มิได้มีค่าใช้จ่ายอะไร หากใช้อย่างถูกวิธีและรู้จักนำมาปรับใช้ ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสียต่อสุขภาพของเรา